🎥 Car Seat จำเป็นแค่ไหนสำหรับลูกน้อย?

🎀💙 Car Seat จำเป็นแค่ไหนสำหรับลูกน้อย?

Car Seat จำเป็นและคุ้มค่าแก่การลงทุนมาก! คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมค่ะ การไม่ใช้ Car Seat เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดการสูญเสียบนท้องถนน ทุกครอบครัวควรฝึกลูกน้อยให้คุ้นเคยกับ Car Seat ตั้งแต่เล็กๆ โดยจำเป็นต้องติดตั้ง Car Seat อย่างถูกวิธีด้วยนะคะ

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก รพ.รามาธิบดี เผยว่าอุบัติเหตุทางถนนเป็นสาเหตุหลักอันดับ 2 ของการสูญเสียในเด็กรองจากการจมน้ำ โดยสาเหตุการสูญเสีย 100% เกิดจากไม่ได้ใช้ Car Seat ในประเทศไทยมีผู้ปกครองใช้ Car Seat ไม่ถึง 1% เพราะส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถึงอันตราย

👨‍🔧 วิธีเลือก Car Seat
การเลือกใช้ Car Seat จะขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักตัวของเด็กเป็นหลัก ดังนี้
• ทารกแรกเกิดจนถึงอย่างน้อยอายุ 2-4 ขวบ
Car Seat สำหรับเด็กเล็กเป็นที่นั่งแบบปรับให้หันหน้าไปด้านหลังรถ (Rear-facing Car Seat) เดิม Car Seat แบบนี้ แนะนำให้ใช้จนถึงอายุ 2 ขวบ แต่การศึกษาวิจัยในปัจจุบันแนะนำให้เด็กนั่ง Car Seat แบบหันหน้าไปด้านหลังรถให้นานที่สุดจนกว่าอายุ 4 ขวบหรือตัวโตจนความสูงเกินขนาดของ Car Seat ทั้งนี้เพื่อลดโอกาสเกิดการหักของกระดูกต้นคอหากเกิดอุบัติรุนแรง

• เด็กอายุ 2-3 ขวบ จนถึง 4-7 ขวบ
สามารถใช้ Car Seat เป็นที่นั่งแบบหันมาด้านหน้าตามปกติ (Forward-Facing Car Seat) โดยมีขนาดที่ครอบคลุมทั้งลำตัวและศีรษะเด็ก โดยมีสายรัดลำตัวเป็นเข็มขัดนิรภัยแบบ 5 จุดติดตั้งมาพร้อมที่นั่งยึดติดกับรถด้วยเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์

• เด็กอายุ 4-7 ขวบขึ้นไป แต่ไม่ถึง 10 ปี
ควรใช้ Car Seat แบบเป็นที่นั่งแบบหันมาด้านหน้าเช่นเดิม จนกว่าจะโตจนความสูงเกินขนาดของ Car Seat หรือน้ำหนักตัวมากกว่า 18 กิโลกรัม ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้ที่นั่งแบบหันไปด้านหน้า ไม่มีสายรัดติดตั้งมากับที่นั่ง (Belt-Positioning Booster Seat) เพื่อเสริมความสูงให้กับเด็กและปรับตำแหน่งเข็มขัดนิรภัยของรถให้พอดีกับลำตัวเด็ก

• เด็กอายุมากกว่า 10 ปี
เด็กอายุมากกว่า 10 ปี หรือนํ้าหนักมากกว่า 28 กิโลกรัม สามารถใช้เข็มขัดนิรภัยปรกติที่มีใน รถยนต์ได้ โดยไม่ต้องใช้ Booster Seat ทั้งนี้เมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วสายคาดควรอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และไม่ทำให้เกิดอันตรายแก่เด็ก

👦👧 วิธีฝึกลูกน้อยนั่งให้ Car Seat
1. หมั่นมีกิจกรรมให้ลูกติดใจเสียงเราบ่อยๆ เช่น ร้องเพลงร่วมกัน เล่านิทานด้วยเสียงที่น่าสนใจของเรา เพราะช่วงเวลาที่เราขับรถ มือเราไม่ว่าง แต่ปากเรายังสามารถทำงานได้ เพื่อดึงเวลาให้ลูกจดจ่อกับเรามากกว่าตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้อย่างเดียว

2. ก่อนขึ้นรถควรให้ลูกมีความรู้สึกว่า “สามารถควบคุม” ได้บ้าง เช่น ให้ลูกเลือกของเล่น และหยิบของเล่นใส่ถุงเล็กๆ เพื่อไว้เล่นในรถ หรืออาจเป็นเลือกของทานเล่นที่มีประโยชน์ กับของเล่นบางอย่างเพื่อเพิ่มความเพลิดเพลินในรถ หรือบางบ้านที่เดินทางไกลและเด็กอายุมากกว่า 2 ขวบที่ระยะเวลาการดูทีวียังไม่เกินกำหนดก็จะให้เลือกเรื่องที่จะดูในรถได้ (แต่ข้อนี้ต้องระวังการติดทีวีด้วย)

3. การพูดคุยกับลูกช่วงนี้ ไม่ใช่การติดสินบน ไม่ใช่ลูกร้องแล้วส่งมือถือให้ดู หรือลูกร้องแล้วบอกว่า “จะได้กินไอติมเมื่อไปถึงที่หมาย” ความต่างอยู่ที่ว่า เราเป็นคนนำเสนอก่อนที่ลูกจะร้องโวยวาย มักเกิดขึ้นก่อนขึ้นรถ และเป็นข้อเสนอที่เราพิจารณาแล้วว่าเหมาะกับวัย

4. หากลูกร้อง ดิ้น ไม่ยอมแม้แต่จะเข้ามานั่งใน Car Seat เราจำต้องจับตัวลูกให้แน่นๆ เพื่อพาลงที่นั่ง ใช้เสียงที่นุ่มนวลและหนักแน่น บอกลูกว่า “แม่ต้องอุ้มหนูแน่นๆ จะได้เอาตัวหนูลง Car Seat หรือนั่งในนี้หนูจะปลอดภัย” สิ่งสำคัญมากคือ แรงที่เราอุ้มลูกและเสียงที่เราพูด จะต้องสื่อถึงความอ่อนโยนแต่จริงจัง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นหงุดหงิด และกระชากตัวกันไป โดยไม่ต้องห่วงเรื่องลูกฟังไม่เข้าใจ แม้จะอายุ 1 ขวบ เพราะเขาจับน้ำเสียงของเราได้

ความสม่ำเสมอของทั้ง 4 ข้อนี้จะจะทำให้เขาเข้าใจได้ในที่สุด

จากข่าวคราวเรื่องอุบัติเหตุที่ผ่านมา เป็นตัวอย่างที่ดี และสามารถตอบคำถามได้ว่า Car Seat จำเป็นไหม เพราะมันไม่คุ้มเลยถ้าต้องแลกกับการสูญเสียลูกไป พ่อแม่จึงต้องใส่ใจเลือกซื้อ Car Seat ที่ได้มาตรฐาน ติดตั้ง Car Seat อย่างถูกวิธี และฝึกลูกนั่ง Car Seat ตั้งแต่เล็กเพื่อความปลอดภัยนะคะ ช่วงแรกลูกน้อยอาจจะไม่ยินยอม ร้องกระจองอแง แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องใจแข็ง พยายามฝึกลูกนั่ง Car Seat ไป อย่าโมโห สงบสติอารมณ์ และเรียนรู้ไปพร้อมกับลูก เมื่อลูกเริ่มคุ้นเคยแล้ว การได้นั่ง Car Seat ชมวิวระหว่างทาง ก็จะกลายเป็นความทรงจำดีๆ ของครอบครัวได้ค่ะ

Cr. ถึงบางอ้อกับหมอเอ (Dr.Acare) และ The Asian Parent

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อคนที่คุณรักที่สุด.. สวิมมิ่ง คิดส์ “ที่สุด เรื่องเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก”

Swimming Kids เปิดให้บริการ 7 สาขา

💦 Swimming Kids สาขาพัฒนาการ
พื้นที่ให้บริการ: พัฒนาการ สวนหลวง อ่อนนุช พระโขนง ศรีนครินทร์ พระราม 9 ประเวศ

💦 Swimming Kids สาขาสุขุมวิท
พื้นที่ให้บริการ: สุขุมวิท พระโขนง อ่อนนุช บางนา พระราม 4 คลองเตย วัฒนา ประเวศ

💦 Swimming Kids สาขาพุทธมณฑล
พื้นที่ให้บริการ: พุทธมณฑล บางแค ตลิ่งชัน หนองแขม ศาลายา ทวีวัฒนา ปิ่นเกล้า ภาษีเจริญ

💦 Swimming Kids สาขาเกษตร-นวมินทร์
พื้นที่ให้บริการ: เกษตร-นวมินทร์ รามอินทรา ลาดพร้าว บางกะปิ บางเขน วัชรพล สายไหม หลักสี่

💦 Swimming Kids สาขารามคำแหง
พื้นที่ให้บริการ: รามคำแหง สะพานสูง คันนายาว หนองจอก มีนบุรี บึงกุ่ม บางกะปิ ลาดพร้าว ลาดกระบัง

💦 Swimming Kids สาขาเชียงใหม่
พื้นที่ให้บริการ: เชียงใหม่ แม่เหียะ ป่าแดด สุเทพ

💦 Swimming Kids สาขาชลบุรี
พื้นที่ให้บริการ: ชลบุรี บางปลาสร้อย บ้านโขด บางแสนสุข บ้านสวน อ่างศิลา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *